Friday, April 11, 2014

แรงบันดาลใจ

สวัสดีครับ


            ผมเชื่อว่าหลายๆ ท่าที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับผมขึ้นไป คือมีอายุประมาณ 30 ขึ้นไป น่าจะมีความรู้สึกเดียวกัน สมัยผมเด็กๆ รถราก็น้อย มีก็ขับไม่เร็ว และดูจะมีมารยาทมากกว่าสมัยนี้ พาหนะคู่กายของเด็กรุ่ผมก็หนีไม่พ้น "จักรยาน" วันนี้นึกรั่วๆ เลยมาโพสความในใจสักเล็กน้อย

ภาพนี้น่าจะถ่ายตอนผม 7 ขวบ


            แรกเริ่มทีผมก็ปั่นจักรยาน 3 ล้อ มาสู่จักรยาน 2 ล้อ แบบที่มีล้อเสริม สู้จักรยาน 2 ล้อเต็มรูปแบบโชคดีที่ซอยที่บ้านเมื่อก่อนเป็นซอยตัน และลึกประมาณ 2 กิโลเมตร และไม่ค่อยมีบ้านคน มีแต่ทุ่ง กับป่า ทำให้ผมและเด็กแถวๆ บ้านประมาณ 5-6 คนปั่นกันแบบสบายใจ ปั่นท้ายซอย ยันปากซอย เก็บพุทรา เก็บลูกหว้า เล่นต้อยติ่ง สอยมะขาม ขึ้นเก็บฝรั่งขี้นก ลัดเลาะตามทุ่ง ตามนา ตามตรอกซอกซอยเราสนุกมาก จนกระทั่งวันหนึ่ง...ผมก็ละทิ้ง และหลงลืมมันไป

            ปี พ.ศ. 2554 จากเหตุการณ์น้ำท่วมกรุงเทพฯ เราได้อพยพกันไปอยู่ที่บ้าน จ.นครนายก ผมได้เจอกับจักรยานคู่ใจในสมัยยังเด็ก มันถูกขนมาเก็บไว้ที่นี่เพื่อให้ป้าปั่นเล่น มันยังวิ่งได้ ถึงแม้จะมีร่องรอยการกัดเซาะของสนิมให้เห็นอยู่รายรอบ และเบรคที่ทำงานได้อย่างไม่ปกติ ผมขี่มัน...มันเล็กไปสำหรับ ความรู้สึกเก่าๆ กลับมา

            หลังจากนั้นผมได้ยินประโยคว่า "เห้ย กูจะถอยจักรยานญี่ปุ่นมือ 2 เอาไว้ปั่นมาทำงาน" หลุดออกมาจากปากเพื่อนรัก เลือดลมผมพรุ่งพล่าน

อยากปั่น อยากปั่น อยากปั่น อยากปั่น อยากปั่น อยากปั่น
อยากปั่น อยากปั่น อยากปั่น อยากปั่น อยากปั่น อยากปั่น
อยากปั่น อยากปั่น อยากปั่น อยากปั่น อยากปั่น อยากปั่น
อยากปั่น อยากปั่น อยากปั่น อยากปั่น อยากปั่น อยากปั่น

            สิ่งเหล่านี้มันดังก้องในใจตลอดเวลา หลังจากที่เห็นเพื่อนเอาจักรยานมาโชว์ และแล้วก็เหมือนฟ้าเป็นใจ ผมได้เจอร้านจักรยานที่แปลกที่สุด เป็นร้านเล็กๆ เจ้าของประกอบขาย ทำทีละ 5-10 คัน แล้วแต่อารมณ์ บางวันก็เปิด บางวันก็ปิด บางวันก็ใส่ชุดคาวบอย บางวันก็กางเกงเลเสื้อกล้าม ด้วยคำพูดที่ว่า "จักรยานมันเป็นมากกว่าพาหนะ และที่สำคัญ มันเลือกคนปั่น ไม่เชื่อเอ็งลองดูสิ ถ้ามันมันไม่เลือกเอ็ง ปั่นๆ ไปมีปวดเข่า ปวดหลัง..." (แน่แหละก็มันผิดขนาดนี่ครับ) ผมตัสินใจถอยจักรยานออกมาปั่น แต่แล้วด้วยสังขารที่ขาดการออกกำลังกายมาเป็นเวลานาน ทำให้ถึงกับป่วย และปวด ไปหลายรอบ



            สมัยนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ตอนปั่นแรกๆ ผมก็เข้าไปดูเว็บไซต์ เล่นเว็บบอร์ด สิ่งที่ผมเจอคือคนส่วนมากมักจะโอ้อวด และดูถูกนักปั่นหน้าใหม่ ทั้งเรื่องกำลังและเทคนิค มีมิตรสหายท่านหนึ่งบอกว่าเราต้องดิ้นรนเข้ากลุ่มกับเค้าให้ได้ เราถึงจะมีเพื่อนปั่น แต่ผมว่าไม่.....ผมจึงหันมาชักชวนคนรอบตัวปั่น เราไม่เอาเร็ว ไม่เอาแพง ไม่เอาเทคนิค ไม่เอาอึด ไม่หวังรางวัล เราเอาใจมาปั่น ไปไหนไปกัน ปั่นเอาสนุก และหลังๆ พวกเรามีแนวโน้มที่จะปั่นเอาอิ่ม

            ถึงแม้นวันนี้เข็มไมล์ของเราไม่ได้ไปไกลเหมือนใครๆ เขา แต่พวกเราก็รู้สึกสนุกทุกครั้งที่ออกทริปร่วมกัน "อยากปั่นออกไปปั่น" ขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ มิตรรักนักปั่นทุกท่านนะครับ รักนะ Bike Lens

No comments:

Post a Comment